เพิ่มโคมไฟตรงชานพัก บันได อิอิ

ณ บ้านหลังเล็กหัวใจยิ้มแฉ่ง  
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.53 เวลา 11.00 น.เศษๆ

นุ่นและพี่หนุ่ม ไปที่บ้านและพาน๊อตไปด้วย พี่หนุ่ม เอาสแตนเลสเส้นยาวไปเชื่อมที่ประตู ดีจังเลย ประตูไม่ฝืดแล้ว
เปิดง่ายขึ้นเยอะ แต่ ความยาวไม่พอ จะต้องเชื่อมต่อเพิ่มคงเป็นอาทิตย์หน้านี้  จากนั้น ก็ได้เปลี่ยนหลอดไฟที่ชานพักบันได สวยงามมากนุ่นชอบและดีใจมาก พี่หนุ่มและน๊อตก็ช่วยกันเปลี่ยนให้ ขอบคุณมากๆค่า





เป็นกำลังใจพอค่ะ

อิอิ  อย่างตั้งใจ

ติดแล้ว เย้ เย้...















ป๋า โชว์บ้าง 555+ ตอนจบ?


ดูเค้าทำ ...... เฮ้ย!

พิธีขึ้นบ้านใหม่ (ไม่เป็นทางการ)

ได้เวลาขึ้นบ้านใหม่แล้ว แต่ยังไม่เป็นทางการค่ะ เพราะยังไม่ทำบุญเลี้ยงพระ อิอิ
               
                        ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ฤกษ์งามยามดี ของเราสองคนก็คือวันนี้ 20 สิงหาคม 2553 เวลา 11.03 น. - 13.32 น. หลายคนบอกว่าทำไมไม่เข้าบ้านตอน 9 โมงละ ซึ่งนุ่นก็บอกว่า ฤกษ์นี่มันเป็นเฉพาะของนุ่นและพี่หนุ่ม วัน เวลา ตามที่พระบอกมาทุกอย่าง และไม่ยึดติดกับเลข 9 เพราะด้วย เพราะคิดว่าบ้านของเรา ในเมื่อไปดูฤกษ์มาแล้วก็ต้องตามฤกษ์  การเตรียมตัวก็ มีเวลาเตรียมตัว แค่ 2 วันล่วงหน้า เพราะงานยุ่งมาก โชคดี มีพี่แตน (พี่บัญชี ที่ออฟฟิต ) ช่วยทุกอย่าง ขอบคุณมากๆค่ะ
เตรียมไว้ รอเวลา ขาดไม่ได้คือ ผลไม้ 5 ธาตุ


เตรียมตัวเดินทาง


คุณยาย พี่แตน นาถ(แม่บ้านจากแดนไกล) ไปช่วยกันขึ้นบ้านใหม่







การเตรียมของก็ตามรายการ เลยค่ะ ทั่วๆไป หาดูได้จาก google หรือตามที่พระท่านบอกมา ดังนี้
พิธีการย้ายของเข้าบ้านใหม่ (ยังไม่ใช่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่นะ)




การทำพิธีอย่างอื่น ที่ไม่ใช่พิธีสงฆ์ มีวิธีการดังนี้




สิ่งของที่ต้องเตรียมใช้ในพิธี


- ถุงเงิน , ถุงทอง อย่างละ 1 ถุง


- เงินเหรียญทุกประเภท รวมกันให้ได้ 108 บาท เช่น เหรียญ 10 บาท 5 บาท 1 บาท 50 สต. 25 สต.


- ธนบัตรทุกประเภท รวมกันให้ได้ 1,900 บาท


- ตะกร้า , ถังน้ำ 2 ใบ ( ต้องใช้ของใหม่ )


- ข้าวตอก , ถั่ว , งา


- ดอกกุหลาบแดง , เหลือง , ดอกดาวเรือง แกะเอาเฉพาะกลีบ


- ดอกบานไม่รู้โรย แกะเป็นดอก


- ดอกรัก แกะเป็นกลีบ


- เครื่องครัวทั้งหมด


- พระพุทธรูป ที่เป็นองค์ประธานของบ้าน


- สร้อย แหวน เครื่องประดับ ของมีค่า


- ธูป เทียน


ขั้นตอนการทำพิธี


- นำธนบัตร 1,900 บาท และเหรียญ 108 บาท ใส่ลงในถุงเงิน ก่อนใส่ถุงให้พูดเสียงดังๆ ว่า “ โอ้โฮ เงินทองร้อยแปดพันเก้าเลย “


- นำถุงเงิน และ สร้อย แหวน ทองของมีค่า ใส่ในถุงทอง


- ถังใหม่ที่เตรียมไว้ ใส่น้ำให้เต็มจนล้น 1 ถัง ส่วนอีกถัง ให้ใส่ข้าวสารให้ล้น


- ถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ คลุกรวมกัน ใส่ลงในตะกร้า โรยใส่ในถังที่เตรียมไว้ ทุกถัง


- นำเครื่องที่เตรียม ตั้งแต่ 1 - 7 เข้าบ้านก่อน โดยให้เพื่อนๆ ญาติๆ ที่พูดเก่งๆ ให้พูดจาสนุกสนาน และช่วยกันหิ้วเครื่องครัว เครื่องใช้ต่างๆ เข้าบ้าน


- หิ้วถังน้ำ ถังข้าวสารตาม โดยหิ้วให้หกเรี่ยราดตลอดทาง แล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะในครัว พูดดังๆ ว่า “ บ้านนี้มีความสุขจริง เงินทองเต็มบ้าน ข้าวของอุดมสมบรูณ์……” และพูดแต่ในสิ่งที่ดีๆ


- เจ้าของบ้าน อุ้มพระพุทธรูปองค์ประธาน เดินตามขบวนเข้าไป แล้วนำไปไว้ที่หิ้งพระ จุดธูป 9 ดอก ให้พูดถึงชื่อตนเองและทุกคนในครอบครัว ขอให้พระคุ้มครองให้มีความสุข ความเจริญ


-ทุกคนในครอบครัว ช่วยกันแบกตะกร้าที่ใส่ ข้าวตอก ดอกไม้ เงินทอง ของมีค่า เทคว่ำลงบนที่นอน แล้วให้ทุกคนนอนลงบนที่นอน และช่วยกันเก็บ ของที่เทไว้ใส่ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง


- เก็บกวาดข้าวของที่หกเรี่ยราด เอาไปให้นกกิน






พิธีนี้เป็นความเชื่ออีกอย่างหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ทำตามกันมามากกว่า ไม่เหมือนพิธีกรรมที่เป็นการทำบุญเลี้ยงพระ พิธีการนี้ เป็นเพียงความเชื่อโบราณซึ่งท่านถือเป็นคติสืบต่อกันมา อย่างไรก็ตามคนไทยกับความเชื่อในหลายๆ เรื่องก็ยังคงแยกกันไม่ขาดแม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ตาม




วันต้องห้ามตามคติโบราณ


“ห้ามขึ้นบ้านวันเสาร์” เนื่องจากว่าวันเสาร์ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว ถือกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ และดาวเสาร์ยังจัดเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์อีกด้วย แต่การขึ้นบ้านใหม่ ต้องการความร่มเย็น ความสุขและความมั่นคงถาวร ความเจริญ ดังนั้นคนโบราณจึงห้ามมิให้ประกอบพิธีเกี่ยวกับการปลูกสร้าง บ้านเรือน เช่น การยกเสาเอก วางศิลาฤกษ์ เปิดป้ายอาคาร หรือแม้กระทั่งการย้ายเข้าสู่บ้านใหม่


ส่วนพิธี ขึ้นบ้านใหม่ / เข้าบ้านใหม่ แบบซินแสจีน ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับพลังและกระแสต่างๆ ที่เรามองไม่เห็น ลองอ่านเป็นความรู้บ้างก็ดีครับ แต่ใครไม่ค่อยสนใจก็ผ่านไปเลยครับ ถือว่าจบพิธีทำบุญเลี้ยงพระแบบมาตรฐานแล้ว


ในกรณีที่เป็นบ้านใหม่ หรือบ้านนั้นยังไม่เคยเข้าไปอยู่อาศัย ก่อนย้ายเข้า เราสามารถปรับสภาพกระแสภายในบ้านให้ปราศจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย


โดยการทำพิธี ล้างปรับสภาพ การทำพิธี ขึ้นบ้านใหม่ ต้องใช้ฤกษ์ยามที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงจะเกิดความร่มเย็นเป็นสุข ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ให้ดับไฟในบ้าน ให้ทุกคนออกนอกบ้าน รวมตัวกันที่หน้าบ้าน เมื่อได้ฤกษ์ ขึ้นบ้านใหม่ ให้เดินเข้าบ้านใหม่ จัดตั้งองค์พระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เพื่อให้ท่านช่วยคุ้มครองปกปักรักษา ให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข


เราควรกำหนดจุดตั้ง และเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ล่วงหน้า เพื่อสะดวกในวันทำพิธี และจะได้ตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เสร็จทันในฤกษ์ หากต้องการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาก่อน ให้ใส่กล่องทึบและวางไว้โต๊ะกลางบ้าน เพื่อจะได้ไม่เกี่ยวข้องกับทิศทาง และหากอัญเชิญมาจากที่บ้านเก่าต้องดูฤกษ์อัญเชิญลง


การจัดของไหว้ถวาย ( ตามแต่ประเพณีและความนิยมของบุคคล ) ดีที่สุด ควรเป็นผลไม้ห้าอย่าง ( ครบห้าธาตุ - ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ )


ไม่ควรเป็นเนื้อสัตว์ เพราะเท่ากับเบียดเบียนชีวิตอื่น


วันแรกให้จุดธูปจริง เทียนจริง เพื่อให้เกิดควัน (ควันเป็นสื่อถึงแสดงออก ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเชิญได้รับรู้) และขอพร (อย่าขอหลายอย่าง ให้ขอเท่าที่สำคัญและจำเป็น)


ก่อเตาหุงต้ม (จุดเตาแก๊ส) คือการเริ่มต้นอยู่กิน และหมายถึงมีกินมีใช้ (ในสมัยโบราณจะใช้วิธีการถือ เตาถ่าน เข้าบ้าน แต่ปัจจุบันสามารถใช้วิธีนี้แทน) แนะนำให้ต้มขนมอี๋เพื่อเป็นสิริมงคล


ตั้งเตียงและนอนค้างคืน หมายถึงมีที่นอน อยู่เย็นเป็นสุข (ในความเป็นจริงส่วนใหญ่จะตั้งเตียงอยู่แล้ว เราเพียงแต่ดันขยับสักเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น) การปูเตียง ก็เพียงยกหมอนขึ้นแล้ววางลง ตบฟูกเบา ๆ


หากที่บ้านทิ้งช่วงทำบุญมามากกว่า 1 ปี ควรดูฤกษ์ แต่หากทำต่อเนื่องทุกปีไม่ต้องดูฤกษ์


วิธีที่ง่ายกว่าคือ : ไปทำบุญสังฆทานที่วัด แล้วอุทิศให้เจ้าที่ และวิญญาณทั้งหลายที่อาศัยในบ้านหลังนี้ ขอให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข


ส่วน กำหนดการขึ้นบ้านใหม่จริงๆ ก็คงอีก สัก เดือนหรือสองเดือนนี้ค่ะ เพราะจะรีบย้ายเข้าไปอยู่แล้วเป็นห่วงเรื่องบริษัท เหมือนกัน อิอิ

My Holiday

 


บ้านหลังเล็กหัวใจยิ้มแฉ่ง

มองหาห้องรับแขกให้ถูกใจ

                 เมื่อได้ห้องทำงานที่ถูกใจแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาห้องรับแขก เน้นแบบเรียบง่ายและสบายๆที่สุด เพราะเป็นคนชอบความเรียบๆอยู่แล้ว พี่หนุ่มให้นุ่นตัดสินใจ เกี่ยวกับการตกแต่ง แต่ก็ขอให้ถามหน่อยว่าเค้าชอบมั๊ย.. (งง เน๊อะ) นุ่นจะใช้ โทนสีขาวเป็นหลัก ชุดโซฟาก็จะมีแค่ 1 ตัวแบบตัวI เท่านั้น กำลังคิดว่าจะติดวอล์เปเปอร์ดีไหม หรือจะติดสติ๊กเกอร์ ดี ส่วนผ้าม่านก็ สีขาวบางๆ บ้านจะได้ดูโปร่งๆ สบายตา ไฟก็ สรุปที่ดาวไลท์ 4 ดวง แต่ที่ซื้อมา มันใหญ่ไป คงต้องหาซื้อใหม่  เรื่องของ ทีวี ก็ง่ายๆ ติดผนังไปเลยละกัน ยึดหลัก พื้นที่โล่งๆให้มากที่สุด จะได้นอนเล่น กลิ้งไปกลิ้งมาได้ เวลาไม่มีแขก อิอิ อีกอย่างบ้านเราก็มีกันแค่ 2 คน ขอให้ เป็นห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นที่ดูอบอุ่นและส่วนตัวที่สุดก็พอ

ตัวอย่างที่ลองหาๆดูจาก google  (ขออนุญาติน่ะค่ะ)


ใช้ได้เลยดู สบายตา ดีมาก




นี่ก็สวยดี


ฉากกันแบบโปร่งๆ ระหว่างห้องทำงานและห้องรับแขก ไม่เบาเลยทีเดียว อิอิ


นี่ก็สวย


ยังไม่ตัดสินใจ จะรอให้ ห้องทำงานเสร็จก่อนและก็ค่อยๆคิดเรื่องห้องอื่นๆ


นู๋นุ่น

บ้านหลังเล็กหัวใจยิ้มแฉ่ง 30 มิ.ย.53

                             30 มิ.ย.53 เวลาประมาณ 21.00 น.เศษๆ ณ สนง.ที่ดินเขตมีนบุรี เราโอนบ้านเกือบจะหลังสุดท้ายของวันนั้น เพราะเป็นวันสุดท้ายของนโยบายโอนฟรี คนเยอะมากๆ ทั้งนุ่นและพี่หนุ่มและพี่ๆทางโครงการและจากแบงค์ ไปนั่งรอคิว หลังจากที่ เสร็จจากเรื่องโอน ก็ได้สำเนาโฉนดที่ดิน และสัญญาซื้อขายบ้านมาครอบครอง กลับมาถึงบ้านก็เกือบ 4 ทุ่มเลยทีเดียว บ้านหลังนี้ นุ่นและพี่หนุ่มไปดูมาด้วยกัน ตั้งใจให้เป็นบ้านของเราสองคน ขนาดเนื้อที่ 21.7 ตร.วา ขนาดพอเหมาะ สำหรับเราสองคน 3 ห้องนอน 2 ห้องนอน นุ่นชอบพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาพอดี แค่เราเพิมเติมอีกนิดหน่อย ชั้นล่าง จะทำออฟฟิต ย่อยๆ ด้วย และมี ห้องทานอาหาร ส่วนครัวก็จะต่อเติมให้ติดกับซักล่าง พื้นที่ต่างระดับระหว่าง ออฟฟิตและห้องรับแขก สวยงามและพอดีกับการออกแบบบิวอิน ตั้งใจว่าจะให้ บ้านออกมาโทนสีขาว และเน้นสีเข็มๆเป็นห้องๆไป เช่น ห้องรับแขก จะให้โทนขาวและดำ และอื่นๆ ออฟฟิต จะเน้นสีส้มและดำ ขาว เป็นหลักเลย ส่วนห้องรับประทานอาหาร นุ่นจะเน้นสีเขียวและเหลืองอ่อนๆ  ห้องครัวก็ สีขาว+ซักล้าง ส่วนชั้น2 เป็นโซน ห้องนอน ทั้งหมด ห้องนอนใหญ่ (พี่หนุ่มและนุ่น) พี่หนุ่มเค้าชอบสีม่วงเห็นบ่นๆว่าจะใช้สีม่วงอ่อนๆ ก็ตามใจเค้า นุ่นได้หมดละ ส่วนห้องนอน เล็ก ก็ สีฟ้าเข้ม 1 ห้องและ สีสมพูเข้ม 1 ห้อง เผื่อมีลูกน้อย อิอิ ตอนนี้ ยังไม่ต่อเติมอะไรเลย อยากจะหาแบบและงบประมาณอีกพัก อีกอย่างอยากจะให้รอบครอบและออกมาดูดีที่สุด นุ่นได้แบบของออฟฟิตเอง ซึ่งหาเอาจาก google นี้ละ ชอบแนวนี้ เพราะประหยัดพื้นที่มาก

พี่หนุ่มก็ไม่ขัดใจ กำลังให้ช่างประเมินราคาดู ตอนนี้ก็รอคำตอบจากช่างอยู่ ส่วนสีก็ ส้ม ดำ ขาว   และจะเน้น เฟอร์ที่ประหยัดพื้นที่และดูโปร่งมากที่สุด เพราะ นุ่นและพี่หนุ่มชอบความเรียบง่ายและสบายๆมากกว่า

บ้านของเรา

เมื่อเราสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน เราช่วยกันสร้างและทำความฝันให้เป็นจริง แม้ว่าเส้นทางระหว่างเราจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ ทุกครั้งเราก็ผ่านมันไปได้ด้วยดีเสมอ แน่นอน ชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่ คนสองคนเท่านั้น และไม่ได้หอบหวานเหมือนเราคบกันใหม่ๆเสมอไป เพราะวันนี้ เราสองคน ผ่านชีวิตคู่มากว่า 3 ปีแล้ว สิ่งต่างๆมากมายที่เราต่างมองเห็นซึ่งกันและกัน เยอะจริงๆ ดีและร้าย นั้นหมายถึงบทเรียนของชีวิตคู่ ที่เราสองคนไม่สามารถเรียนรู้มันหมด  วันนี้ เราได้สร้างฝันอีกอย่างที่สำคัญมากของเราสองคนคือการมี "บ้าน" บ้านที่มากกว่าคำว่าบ้านของเราสองคน นุ่นเป็นคนเลือกบ้านหลังนี้ โดยมีพี่หนุ่มให้ความคิดเห็นและคอยดูอยู่ไม่ห่าง แน่นอนเพราะ เราต้องอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้ตลอดไป นุ่นเลือกบ้านขนาดเล็ก ที่พอเหมาะกับเราสองคน พี่หนุ่มก็ไม่ชอบซักเท่าไหร่ เพราะเป็นบ้านทาวเฮ้าส์ แต่นุ่นก็ให้เหตุผล ว่า เราสองคนเพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตคู่ บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านหลังสุดท้ายระหว่างเรา นุ่นอยากให้เราเริ่มต้นจากเล็กๆ พอเหมาะกับเราก่อนที่เราจะก้าวไปอีกขั้น เพราะชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยความมั่นคงมากกว่าปริมาณของทรัพย์สินนอกกายทั้งหมด สิ่งสำคัญสำหรับนุ่น คืออยากให้เราสองคน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีเวลาทำงาน มีเวลาพักผ่อน นุ่นดีใจที่พี่หนุ่มเข้าใจในความรู้สึกนุ่นกับเรื่องบ้านหลังนี้